ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การสร้างความแตกต่างและสร้าง “ภาพลักษณ์ที่จดจำได้” ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจบริการอย่าง ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือโรงแรม ที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยทุกจุด หนึ่งในจุดเล็กๆ ที่สามารถสร้างความประทับใจได้มากก็คือ การใช้น้ำดื่มแบรนด์ตัวเอง

บทความนี้จะพาไปดูเหตุผลว่า ทำไมธุรกิจบริการควรมี “น้ำดื่มติดแบรนด์ของตัวเอง” ไม่ว่าจะเพื่อภาพลักษณ์ การตลาด หรือเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจอย่างเหนือชั้น

 7 เหตุผลที่ควรมี “น้ำดื่มแบรนด์ตัวเอง”

1.  สร้างภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ

ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจเมื่อเห็นรายละเอียดเล็กๆ เช่น น้ำดื่มที่มีโลโก้ของร้านคุณเอง เพราะมันแสดงถึงการใส่ใจและความเป็นมืออาชีพ  ไม่ใช่แค่น้ำเปล่า แต่คือน้ำของ “ร้านคุณ”

2.  เพิ่มโอกาสการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)

ลูกค้ามักจะถ่ายรูปอาหาร เครื่องดื่ม หรือบรรยากาศร้าน และแชร์ลงโซเชียล น้ำดื่มที่มีแบรนด์ของคุณอาจปรากฏในภาพถ่ายเหล่านั้น   กลายเป็น เครื่องมือโปรโมตฟรี โดยไม่รู้ตัว

3.  แตกต่างจากคู่แข่ง

ร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่ใช้ขวดน้ำทั่วไป อาจไม่เป็นที่จดจำ แต่ถ้าคุณมีขวดน้ำพร้อมฉลากที่ออกแบบมาเฉพาะ แบรนด์ของคุณจะ “โดดเด่น” และดู “พรีเมียม” กว่า

4. ใช้สื่อสารแบรนด์ผ่านฉลากน้ำ

คุณสามารถใส่ คอนเซ็ปต์แบรนด์, โทนสี, โลโก้, คำคม, QR Code หรือแม้แต่ช่องทางโซเชียลมีเดียลงบนฉลากน้ำ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า

5.  เพิ่มยอดขายหรือกำไรแฝง

ในบางกรณีสามารถจำหน่ายน้ำดื่มแบรนด์ตัวเองในราคา 10–20 บาทต่อขวด ซึ่งยังคงมีกำไร และสร้างความรู้สึกพรีเมียมให้กับสินค้าในร้าน

6.  ใช้เป็นของแจก ของชำร่วย หรือของขอบคุณ

น้ำดื่มแบรนด์ร้านสามารถใช้แจกในกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น เปิดร้านใหม่, กิจกรรม CSR, งานแต่งงานในโรงแรม, จัดอีเวนต์ ซึ่งช่วยให้แบรนด์ติดตาลูกค้ายิ่งขึ้น

7. จัดหาได้ง่าย ผ่านผู้ผลิต OEM น้ำดื่ม

คุณไม่จำเป็นต้องมีโรงงานผลิตน้ำดื่มเอง ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ รับผลิตน้ำดื่มตามแบรนด์ (OEM) ที่มีมาตรฐานครบ เช่น อย., GMP ใช้ทุนต่ำ เริ่มต้นง่าย พร้อมบริการจัดส่งถึงที่

 เคล็ดลับเล็กๆ:

• เลือกขนาดบรรจุที่เหมาะสม เช่น 350 ml หรือ 600 ml สำหรับคาเฟ่หรือร้านอาหาร
• ออกแบบฉลากให้สอดคล้องกับธีมร้าน เช่น มินิมอล, สีพาสเทล, โทนหรู, หรืออาร์ต
• ใส่ QR Code ลิงก์ไปยังรีวิว Google, IG หรือ Line OA เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าติดตาม

สรุป

น้ำดื่มอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ หรือโรงแรม แต่ในความเป็นจริง มันคือ หนึ่งในสื่อแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้งบต่ำ การมีน้ำดื่มแบรนด์ตัวเองไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจ ยังสามารถ เพิ่มมูลค่าแบรนด์ และขยายการรับรู้ได้ในทุกขวดที่ลูกค้าหยิบขึ้นมา

รู้หรือไม่? น้ำดื่มแบรนด์ตัวเองช่วยสร้างภาพลักษณ์ เพิ่มการจดจำ และโปรโมตร้านได้ฟรี! เหมาะสำหรับร้านอาหาร คาเฟ่ หรือโรงแรมยุคใหม่

กรณีศึกษาการใช้น้ำดื่มแบรนด์ตัวเองในร้านอาหารและโรงแรม

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูกรณีศึกษาจริงของการใช้น้ำดื่มแบรนด์ตัวเองในธุรกิจต่างๆ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ:

โรงแรมบูติกในเชียงใหม่

โรงแรมขนาดกลางในย่านนิมมาน เริ่มใช้ขวดน้ำดื่มแบรนด์ตัวเองในห้องพักและห้องประชุม ตั้งแต่ปี 2023 พร้อมออกแบบฉลากที่มี QR Code พาไปยังรีวิวใน Google

• ลูกค้าสแกน QR และรีวิวโรงแรมเพิ่มขึ้นกว่า 40%
• เพิ่มความน่าเชื่อถือและความรู้สึก “พรีเมียม” ให้แบรนด์
• ลดการใช้ขวดน้ำโลโก้ทั่วไปที่ลูกค้าไม่จดจำ

 คาเฟ่สไตล์มินิมอลในกรุงเทพฯ

คาเฟ่เล็กๆ ใช้น้ำดื่มฉลากโทนขาว-ดำ พร้อมคำคมประจำร้าน พร้อมวางขายที่หน้าเคาน์เตอร์ในราคา 10 บาท

• ลูกค้าถ่ายรูปแชร์ลง IG และติดแท็กร้านบ่อยขึ้น
• ลูกค้าจำแบรนด์ได้จาก “ฉลากน้ำดื่ม” แม้ไม่ใช่เมนูหลัก
• กลายเป็นสินค้าขายเสริมที่ทำกำไรโดยไม่เพิ่มต้นทุนมาก

ร้านอาหารอีสานสมัยใหม่

ร้านอาหารมีสาขาหลายแห่ง ใช้น้ำดื่มขนาด 600 ml พร้อมฉลากแบรนด์เดียวกันทุกร้าน ทำให้แบรนด์มีภาพจำชัดเจน

• ช่วยสร้าง “มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา”
• ลูกค้ามองว่ามีความเป็นมืออาชีพมากกว่าร้านทั่วไป
• ช่วยในการทำโปรโมชั่น เช่น “รีวิวพร้อมขวดน้ำ รับส่วนลด”

บทเรียนจากกรณีศึกษา:

“น้ำดื่มไม่ใช่แค่ของใช้ในร้าน แต่เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ที่เดินทางไปกับลูกค้า — ทุกขวดคือโอกาสในการทำการตลาด”

 หน้าเพิ่มเติม 2: แนวทางเริ่มต้นน้ำดื่มแบรนด์ตัวเองสำหรับธุรกิจบริการ

หากคุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร โรงแรม หรือคาเฟ่ และอยากเริ่มต้นน้ำดื่มแบรนด์ตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ลองดูขั้นตอนต่อไปนี้:

 ขั้นตอนเริ่มต้นง่ายๆ:

1. กำหนดเป้าหมายของการใช้
   • แจกฟรีในร้าน
   • จำหน่ายหน้าร้าน
   • ใช้ในงานอีเวนต์หรือกิจกรรมพิเศษ
2. เลือกขนาดบรรจุภัณฑ์
   • 350 ml: พกพาง่าย เหมาะกับคาเฟ่
   • 600 ml: เหมาะกับร้านอาหารทั่วไป
   • 1500 ml: ใช้ในโรงแรมหรือห้องประชุม
3. ออกแบบฉลากน้ำดื่ม
   • ควรใช้สี / โลโก้ / คำพูด ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของร้าน
   • ใส่ QR Code, Line OA, หรือแฮชแท็กของร้าน
   • ต้องมีข้อมูลตามกฎหมาย (ปริมาณ, วันผลิต, เลข อย. ฯลฯ)
4. เลือกผู้ให้บริการรับผลิตน้ำดื่ม (OEM) ที่เชื่อถือได้
   • ตรวจสอบว่ามี อย., GMP, หรือไม่
   • สามารถผลิตขั้นต่ำตามที่คุณต้องการได้
   • มีบริการออกแบบฉลากให้ด้วยหรือไม่
5. สั่งผลิต – ตรวจสอบฉลาก – วางขายหรือแจก
   • เมื่อฉลากอนุมัติแล้ว ใช้เวลาผลิต 7–14 วัน
   • สามารถขอสินค้าตัวอย่างก่อนสั่งล็อตใหญ่
   • เริ่มใช้งานจริงในร้านพร้อมถ่ายรูปเพื่อทำคอนเทนต์

 เคล็ดลับเสริม:

• ใช้ “น้ำดื่ม” เป็นส่วนหนึ่งของ โปรโมชั่นหรือแคมเปญการตลาด
• ตัวอย่างเช่น: “ถ่ายรูปกับน้ำดื่มแบรนด์ร้านเรา + เช็คอิน รับฟรีของหวาน 1 เมนู”
• หรือแจกฟรีใน Soft Opening, งานเปิดตัวสาขาใหม่, งานวิ่ง, CSR

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น และผู้บริโภคใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น ธุรกิจน้ำดื่มกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามอง แต่สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมี แบรนด์น้ำดื่มของตัวเอง อาจลังเลว่าจะ ลงทุนสร้างโรงงานเอง หรือเลือกใช้บริการ รับผลิตน้ำดื่ม (OEM) แบบครบวงจรดี?

บทความนี้จะพาคุณมาดู ข้อดีของการเลือกใช้บริการรับผลิตน้ำดื่ม OEM แทนการลงทุนสร้างโรงงานเองว่าทำไมจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า:

1. ประหยัดต้นทุนเริ่มต้นมหาศาล

การสร้างโรงงานผลิตน้ำดื่มต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นหลัก ล้านบาทขึ้นไป ทั้งค่าที่ดิน, อาคาร, เครื่องจักร, ระบบกรองน้ำ, ใบอนุญาต และอื่นๆ ขณะที่การใช้บริการ OEM ช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ด้วย งบประมาณหลักหมื่น – แสนบาท เท่านั้น

 2. ไม่ต้องปวดหัวเรื่องการขอใบอนุญาต

โรงงานผลิตน้ำดื่มต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ เช่น อย., GMP, HACCP ฯลฯ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน การจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีโรงงานมาตรฐานอยู่แล้วจะช่วยให้คุณ ข้ามขั้นตอนยุ่งยาก ไปได้ทันที

 3. เริ่มขายได้เร็ว

ด้วยบริการ OEM คุณสามารถเริ่มต้นแบรนด์น้ำดื่มของคุณได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ในขณะที่การสร้างโรงงานเองอาจต้องใช้เวลา หลายเดือนหรือเป็นปี กว่าจะเปิดดำเนินการได้

 4. ผลิตตามความต้องการ ไม่มีสต๊อกค้าง

คุณสามารถสั่งผลิตตามจำนวนที่ต้องการ เช่น 1,000 – 10,000 ขวดต่อรอบการผลิต ไม่ต้องกังวลเรื่องสต๊อกสินค้าเกิน หรือวัตถุดิบหมดอายุ

 5. มีทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลครบวงจร

ผู้ให้บริการ OEM มักมีทีมออกแบบฉลาก, ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์, ทีมควบคุมคุณภาพ รวมถึงฝ่ายขนส่ง ทำให้คุณไม่ต้องจ้างพนักงานเพิ่ม

6. ยืดหยุ่นและขยายธุรกิจได้เร็ว

เมื่อแบรนด์ของคุณเติบโต การขยายปริมาณการผลิตสามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม คุณสามารถใช้เวลาไปกับการทำตลาดและเพิ่มช่องทางขายได้มากขึ้น

 สรุป

การเลือกใช้บริการรับผลิตน้ำดื่มตามแบรนด์ (OEM) เป็นทางเลือกที่ ประหยัดต้นทุน, ลดความเสี่ยง, ไม่ต้องยุ่งกับกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน และ ทำให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้เร็วกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองตลาด หรือผู้ประกอบการ SME ที่อยากมีแบรนด์ของตัวเองโดยไม่ต้องลงทุนมหาศาล

ข้อดีของการใช้บริการรับผลิตน้ำดื่ม OEM แทนการสร้างโรงงานเอง

เริ่มต้นแบรนด์น้ำดื่มไม่ต้องลงทุนสูง! รู้ข้อดีของบริการรับผลิตน้ำดื่ม OEM ที่ช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา พร้อมสร้างธุรกิจได้ทันที

• รับผลิตน้ำดื่ม
• OEM น้ำดื่ม
• น้ำดื่มแบรนด์ตัวเอง
• ธุรกิจน้ำดื่ม
• ไม่ต้องสร้างโรงงาน

 เปรียบเทียบระหว่าง “สร้างโรงงานเอง” กับ “ใช้บริการรับผลิต OEM”

 ตารางเปรียบเทียบเบื้องต้น

 วิเคราะห์เชิงลึก:

หากคุณเป็น SME หรือผู้เริ่มต้นใหม่ ในธุรกิจน้ำดื่ม การใช้บริการ OEM ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก คุณสามารถโฟกัสกับ การขายและทำการตลาด มากกว่าการจัดการด้านการผลิตที่ซับซ้อน

สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีแผนสร้างแบรนด์ระยะยาวและมีทุนมากพอ การสร้างโรงงานอาจตอบโจทย์ในระยะยาว แต่ควรเริ่มต้นจาก OEM เพื่อทดสอบตลาดก่อน

 หน้าเพิ่มเติม: คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับบริการรับผลิตน้ำดื่ม OEM

 1. ขั้นต่ำในการสั่งผลิตกี่ขวด?

ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 1,000 – 5,000 ขวด ขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุภัณฑ์ (เช่น 350 ml, 500 ml, 600 ml หรือ 1500 ml)

 2. ใช้เวลาผลิตนานแค่ไหน?

เฉลี่ยประมาณ 7 – 14 วัน หลังจากแบบฉลากผ่านการอนุมัติ และวางมัดจำ

 3. ต้องมีโลโก้หรือฉลากเองหรือไม่?

ลูกค้าสามารถใช้ทีมออกแบบของโรงงาน OEM ได้ หรือจะส่งไฟล์มาเองก็ได้ ทางโรงงานจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องตามมาตรฐาน อย.

 4. ต้องจด อย. เองไหม?

ไม่จำเป็น โรงงานที่รับผลิตมักมี อย. และมาตรฐานรองรับอยู่แล้ว แต่สามารถจด อย. ในชื่อแบรนด์ของลูกค้าได้เช่นกัน หากต้องการ

5. มีบริการจัดส่งถึงที่หรือไม่?

โรงงาน OEM ส่วนใหญ่มีบริการขนส่งทั่วประเทศ คิดค่าขนส่งตามระยะทาง หรือบางที่มีขั้นต่ำส่งฟรี

 6. ฉลากน้ำดื่มต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?

• ชื่อแบรนด์
• ปริมาณสุทธิ
• เลข อย.
• ข้อมูลผู้ผลิต
• วันผลิต / วันหมดอายุ
• QR Code หรือสื่อโซเชียล (ถ้ามี)

 7. สามารถทำแบรนด์น้ำดื่มสำหรับงานเฉพาะกิจ เช่น งานแต่ง งานสัมมนา ได้ไหม?

ได้แน่นอน! เหมาะมากสำหรับ งานอีเวนต์, งานแต่งงาน, งานวิ่ง, หรือแม้แต่ ของชำร่วยบริษัท ซึ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นที่จดจำ

หากคุณกำลังมองหาวิธีเริ่มต้นแบรนด์น้ำดื่มของตัวเอง โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงาน ทีมของเราพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการจัดส่ง

เคล็ดลับ ไอเดียดีไซน์ที่จะช่วยแบรนด์น้ำดื่มคะณให้โดดเด่นในตลาด

1. เริ่มต้น มารู้จักแบรนด์ของคุณก่อนออแบบ

• น้ำดื่มของคุณเน้นกลุ่มไหน เช่น พรีเมียม ประหยัด สุขภาพ ท่องเที่ยว งานอีเว้นท์
• บุคลิกแบรนด์ของคุณเป็นแบบไหน เรียบหรู สดใส ทันสมัย มินิมอล ฯลฯ
• อยากให้คนจดจำอะไรจากน้ำดื่มของคุณ

2.เคล็ดลับด้านการดีไซน์ฉลากน้ำดื่ม

• โทนสีที่โดนใจ สีฟ้า ขาว น้ำเงิน ให้ความรู้สึก สะอาด สดชื่น
• สีเขียวอ่อน สื่อถึงสุขภาพและธรรมชาติ
• สีดำ เทาเมทัลลิก พรีเมียม หรูหรา
• สีชมพู พาสเทล น่ารัก สดใส

ฟอนต์ที่อ่านง่ายและมีเอกลักษณ์

• ใช้ฟ้อนที่อ่านง่ายและมีเอกลักษณ์ ฟอนต์หลักที่สะอาด อ่านง่ายแม่เป็นขวดเล็ก
• ฟ้อนต์ชื่อแบรนด์ควรแตกต่า มีสไตล์

องค์ประกอบกราฟฟิกเสริม

• ใช้เส้นสายเรียบง่ายสื่อความทันสมัย
• ใส่ไอคอน เช่น หยดน้ำ ใบไม้ หรือเส้นโค้งคลื่น สื่อถึงความบริสุทธิ์

3.ไอเดียเพิ่มความสนใจ

• ฉลากโปร่งแสง ปั๊มนูน ดูพรีเมี่ยม ทันสมัย
• ทำให้โลโก้หรือ ชื่อแบรดน์ดู ลอย บนขวด
• ฉลากรอบขวดแบบ 360 องศา ใส่เรื่องราวของแบรนด์ อาจใช่ QR Code
• ใช้ขวดทรงพิเศษ ขวดทรงสูงเรียว พรีเมี่ยม ขวดทรงเตี้ยอ้วน น่ารัก สะดุดตา

4. ข้อมูลที่จำเป็น บนฉลาก

• ชื่อแบรนด์ โลโก้
• ปริมาตรน้ำดื่ม เช่น 350ml 500ml 600 ml
• เลข อย. วันที่ผลิต หมดอายุ
• จุดขาย

5.เครื่องมือ เทคนิคที่แนะนำ

• ใช้โปรแกรม IIIustrator ออกแบบฉลาก
• ปรึกษานักออกแบบกราฟฟิกที่เชี่ยวชาญด้านฉลากสินค้า
• สั่งผลิตฉลากกันน้ำ กันความร้อนเพื่อคุณภาพสินค้า

การเลือกโรงงานผลิตน้ำดื่มที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุดเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยเฉพาะหากคุณต้องสร้างแบรนด์น้ำดื่มของตัวเองเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในธุรกิจ เช่นโรงแรม ร้านอาหาร หรือ อีเว้นท์ต่างๆ การเลือกที่ดีตั้งแต่ต้นจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์และความเชื่อมั่นของลูกค้าโดยตรง

7 วิธีเลือกโรงงานผลิตน้ำดื่มคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด

1.ตรวจสอบใบอนุญาต และมาตรฐานการผลิต

• โรงงานต้องมีใบอนุญาต จาก อย. สำนักคณะกรรมการอาหารและยา อย่างถูกต้อง
• ควรผ่านมาตรฐาน GMP
• มั่นใจว่า น้ำดื่มที่ผลิตผ่านการควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน

2.แหล่งน้ำและระบบกรอง

• ตรวจสอบว่าโงงานใช้น้ำจากแหล่งที่สะอาด เช่น บาดาลลึก หรือประปาที่ผ่านการกรองมาตรฐาน
• ต้องมี ระบบกรอง RO, UV และ Ozone

3.มีห้องผลิตปลอดเชื้อ

• โรงงานที่ดีควรมีห้องผลิตที่ควบคุมฝุ่นและเชื้อโรคได้
• พนักงานฝ่ายผลิตต้องสวมชุดป้องกันและปฏิบัตตามขั้นตอนสุขลักษณะที่เข้มงวด

4. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์

• ใช้วัสดุ ขวด PET หรือขวดแก้วคุณภาพสูง ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมอาหาร
• ไม่มีสารปนเปื้อน

5.ขอดูตัวอย่างและใบผลวิเคราะห์น้ำ

• ควรขอ ตัวอย่างน้ำดื่ม ไปตรวจสอบคุณภาพ หรือขอดูใบวิเคราะห์จากห้องแล็บ ที่น่าเชื่อถือ
• ตรวจสอบค่า pH ปริมาณแร่ธาตุ เชื่อจุลินทรีย์

6.บริการครบวงจร OEM

• โรงงานที่ให้บริการแบบครบวงจร เช่น ออกแบบฉลาก บรรจุภัณฑ์ โลโก้ ขึ้นทะเบียน อย. ในนามแบรด์ของคุณ จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

7.รีวิวและความน่าเชื่อถือของลูกค้าเก่า

• ดูผลงานที่ผ่านมา เช่นเคยผลิตให้บริษัท โรงแรม หรือแบรนด์ใดบ้าง
• ดูบริการหลังการขายและรีวิวจากลูกค้าจริง

การเลือกโรงงานผลิตน้ำดื่มคุณภาพไม่ใช่แค่ราคาถูกหรือแพง แต่ต้องมีความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และน่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าน้ำดื่มที่ออกสู่มือผู้บริโภคจะสะอาดและปลอดภัยจริงๆ

จากแหล่งน้ำ…สู่มือคุณ

น้ำดื่มที่เราดื่มทุกวัน อาจดูเรียบง่ายแต่ความจริงแล้ว ผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน เพื่อให้ได้น้ำดื่มที่ สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพสูงสุด วันนี้เราจะพาคุณไปดูขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าน้ำดื่มมาตรฐานผลิต อย่างไร

1.คัดเลือกแหล่งน้ำคุณภาพ

ทุกอย่างเริ่มจาก ต้นน้ำ โรงงานที่มีมาตรฐานจะเลือกแหล่งน้ำที่เหมาะสม เช่น

• น้ำบาดาล
• น้ำประปาที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ

จากนั้นนำมาตรงจสอบคุณสมบัติ ทั้งด้านเคมี จุลชีววิทยา และค่ามาตรฐานความสะอาด

2. การกรองขั้นต้น (Pre-Filtration) น้ำจะถูกกรองเอาสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ออก เช่น ทราย ฝุ่น เศษใบไม้เพื่อเตรียมเข้าสู่ระบวนการกรองละเอียด

3.การกรองด้วยระบบคาร์บอนและเรซิน

• ถังกรองคาร์บอน (Activeted Carbon Filter) ช่วยดูดซับกลิ่น สี คลอรีน และสารอินทรีย์
• ถังกรองเรซิน (Resin Filter)ใช้ปรับความระด้างของน้ำ

4.ระบบกรองละเอียด (Micron Filter) กรองสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กมากด้วยไส้กรองระดับไมครอน เพื่อให้ได้น้ำที่ใสและปลอดเชื้อก่อนเข้าสู่กระบวนการฆ่า เชื้อ

5.ระบบฆ่า เชื้อ (UN และ Ozone)

• แสงอัลตราไวโอเลต UV ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียโดยไม่ใช้สารเคมี
• ระบบโอโซน ช่วยฆ่า เชื้อไวรัส เชื้อรา

6.การบรรจุในห้องปลอดเชื้อ (Clean Room) น้ำที่ผ่านการกรองและฆ่า เชื้อจะถูกส่งเข้าสู่ห้องบรรจุที่ควบคุมความสะอาด 100%

• เครื่องจักรทำงานแบบอัตโนมัติ
• ไม่มีการสัมผัสจากคน

7.การติดฉลากและบรรจุภัณฑ์ หลังจากการบรรจุเสร็จ น้ำดื่มจะถูกติดฉลากตามแบรนด์ลูกค้า (OEM หรือ ODM)และแพ็คลงกล่องพร้อมจัดส่ง

8. การควบคุมคุณภาพ QC ก่อนออกจากโรงงาน น้ำดื่มทุกล๊อตจะผ่านการตรวจสอบคุณภาพอีกครั้ง

• ตรวจสอบความใส ความเป็น กรด-ด่าง
• ตรวจสอบจุลินทรีย์

น้ำดื่มที่คุณได้รับผ่านกระบวนการที่ได้มาตรฐาน เช่น

• GMP (Good Manufacturing Practice)
• HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point)
• อย. (สำนักงานคณกรรมการอาหารและยา)

การผลิตน้ำดื่มไม่ใช่แค่การ บรรจุน้ำใส่ขวด แต่คือระบวนการที่เต็มไปด้วย วิทยาศาตร์ มาตรฐานและความใส่ใจ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า น้ำดื่มที่อยู่ในมือคุณ คือสิ่งที่ดีทีสุดจากเรา